สารที่ส่งจากนักบุญ

minato kanae - confession


คำสารภาพ – มินะโตะ คะนะเอะ


เรื่องนั้นเป็นครั้งสุดท้าย


มีบางสิ่งที่ชวนให้หวาดหวั่นตั้งแต่ “คำสารภาพ” เริ่มต้นขึ้น


บางสิ่งในน้ำเสียงที่ถึงจะดูสงบราบเรียบแต่กลับแฝงความรู้สึกที่รุนแรง เข้มข้นจนอาจเรียกได้ว่าเป็นความมุ่งร้าย ความปรารถนาอันดำมืด หรือความคับแค้นที่ไร้หนทาง


ถ้อยคำที่เลือกสรรฉายภาพอาการพูดจาที่พึงใจอย่างนิ่งเฉย ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพียงอีกครั้งหนึ่งของกิจวัตรที่วนมาอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า


เมื่อเวลาเคลื่อนไปพร้อมกับความตายใจที่ไม่สนิทเท่าใดนัก ผู้อ่านก็จะได้พบว่าสิ่งที่พบเห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่น้ำสงบนิ่งอย่างผิวเผิน แต่เป็นใจกลางน้ำวนอันรุนแรงลึกล้ำ ที่กระแสน้ำพัดพาและดูดกลืนทุกสิ่งเข้าสู่ใจกลางของความโกลาหล


ความสงบนิ่งแต่เปลือกนอกที่เห็นในตอนแรกแท้ที่จริงคือโฉมหน้าของการตระเตรียมอย่างดี เตรียมแผนการที่แยบยลและรอบคอบอย่างเด็ดขาด และได้ผ่านการเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการดำเนินการตามแผนอย่างเยือกเย็นและไร้ความปราณี


บรรยากาศผิดเพี้ยนปกคลุมตลอดนวนิยายทั้งเล่ม ซ้ำยังมีแต่จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นในทุกบทตอนที่เคลื่อนผ่านไปอีกด้วย


ปากคำของผู้เกี่ยวข้อง


คำสารภาพ” หรือ Kokuhaku เป็นนวนิยายลึกลับสืบสวนผลงานชิ้นเปิดตัวของ มินะโตะ คะนะเอะ (Minato Kanae) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2008 เป็นที่กล่าวขวัญถึงและเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านเนื้อหาและยอดขายจวบจนถึงปัจจุบัน


นวนิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านปากคำบอกเล่าบุรุษที่หนึ่ง วนเปลี่ยนตัวละครมาเล่าบทละคน ผ่านช่องทางหรือรูปแบบการสื่อสารที่ต่างกันไป ซึ่งล้วนบ่งบอกถึงความเป็นตัวละครตัวนั้นๆ พร้อมกับชื่อบทที่สื่อนัยบางประการถึงธีมของเรื่องราวในบทและภาพรวมของนิยายเอง ผู้เขียนใช้ทั้งสิ่งที่ดูเหมือนเป็นข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการเล่าเรื่องในมุมมองจำกัดที่ว่านี้มาเป็นเครื่องมือแต่งเติมสีสันและทิศทางอันทึบทะมึนของเรื่องราวได้อย่างช่ำชอง ทำให้สามารถอ่านต่อเนื่องไปจนดูเหมือนจะคาดเดาตอนต่อไปหรือบทสรุปแทบไม่ได้ ทั้งที่มีการเผยว่าใครเป็นเหยื่อใครเป็นคนร้ายไปแล้วตั้งแต่บทแรกก็ตาม


เมื่อเป็น “คำสารภาพ” จึงต้องเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่เป็นแก่นสำคัญซึ่งผ่านพ้นไปแล้ว คำสารภาพจึงเป็นเหมือนคำเชิญชวนให้ย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีเรื่องราวความเป็นมาเช่นไร มีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยบ้าง


ความประทับใจแรกที่มีต่อนวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นไปในทำนองว่ามาร่วมเป็นประจักษ์พยานรับฟังการเปิดเผยเรื่องราวอย่างไม่เหลือม่านหมอกบังตา แต่นั่นกลับเป็นเพียงโฉมหน้าด้านเดียวของนิยายเรื่องนี้ เมื่อสิ่งที่เปิดเผยโดยแท้จริงไม่ใช่เรื่องที่ผ่านพ้นมาเพียงอย่างเดียว แต่กลับหมายรวมถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งได้รับการ “สารภาพ” ในเวลาเดียวกันแม้ว่าอาจเหลื่อมล้ำกันบ้างพร้อมกันไปบ้างด้วย ผู้เขียนใช้ประโยชน์จากความคลาดเคลื่อนของความเข้าใจอันมีขนาดเล็กน้อยตรงจุดนี้ได้อย่างชวนตื่นเต้นและน่าติดตามอย่างยิ่ง


สารที่ไม่อาจเบือนหน้าหนี


เริ่มได้ยินเสียงดังมาจากทางเดินข้างนอกแล้ว สงสัยห้องอื่นคงทยอยเลิกกันแล้วมั้งคะ ใครที่มีกิจกรรมชมรม หรือต้องไปเรียนพิเศษต่อเชิญกลับก่อนได้ หรือแม้แต่ใครที่ไม่มีธุระแต่อยากเดินออกไปก็เชิญตามสบายค่ะ ที่ผ่านมาเมื่อครู่ครูเล่าแต่เรื่องไม่น่าฟัง และเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ก็ยิ่งไม่น่าฟังเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นใครที่ไม่อยากฟัง ครูขอแนะนำให้เดินออกไปเสียเดี๋ยวนี้ดีกว่า ไม่มีสักคนเลยหรือคะ เอาละ ถ้าอย่างนั้นครูจะเล่าต่อนะคะ ถือว่าทุกคนอยากฟังเรื่องเล่าของครูด้วยความตั้งใจของตัวเองก็แล้วกัน


ความน่าเชื่อถือและความน่าคล้อยตามของเรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะจูงใจคนอ่านให้อยากฟังเรื่องราวต่อของ “คำสารภาพ” นั้นผูกโยงอยู่กับตัวละครอย่างสำคัญ เมื่อได้อ่านไปก็อาจจะรับรู้ได้ว่ามีการออกแบบตัวละครแต่ละคนอย่างละเอียด จนทำให้โลกทัศน์ของแต่ละตัวละครปรากฏผ่านคำบรรยายที่เป็น “คำสารภาพ” ตั้งแต่ต้นจนจบได้เป็นอย่างดี กล่าวกันว่า ผู้เขียนคือ มินะโตะ คะนะเอะ นั้นใช้วิธีเขียนระเบียนประวัติ (profiling) ตัวละครทุกตัวด้วยความเชื่อที่ว่า “หากสร้างที่มาที่ไปให้กับตัวละครอย่างดีแล้ว ตัวละครก็จะเดินเรื่องให้เอง” เราจึงได้เห็นครูหญิงที่ความฝันพังทลายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังมีปัญหาเรื่องการวางตัวเว้นระยะห่างกับรอบข้าง ได้เห็นคนที่ถูกทอดทิ้งและต้องการคำปลอบโยนในรูปของคำชื่นชมสนใจจนไม่เลือกวิธีการ ได้เห็นคนที่ถูกคาดหวังจากความเอาใจใส่เสียจนกลายเป็นคนขาดไร้ความมั่นใจและเอาแต่ใส่ใจกับสายตารอบข้างจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต เป็นต้น


คำสารภาพ” นำพาผู้อ่านไปพบกับตัวละครเหล่านี้พร้อมกับแสดงไดนามิกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอย่างมีสีสัน หากแต่นิยายเองก็ไม่ได้เหนียมอายในการนำพาไดนามิกนั้นไปสู่ด้านที่ดำมืดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภาพที่การกระทำเช่นนี้เผยให้เห็นอาจเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงใจหรือถึงกับชวนให้ขยะแขยง แต่นั่นก็เป็นเพราะตัวนวนิยายและผู้เขียนได้ทำหน้าที่ของนิยายลึกลับสืบสวนได้อย่างสมบูรณ์ เป็น “คำสารภาพ” ที่แม้จะรับรู้ได้ว่าน่าหวาดหวั่นแต่ก็ยังต้องตั้งใจรับฟังจนจบในที่สุด