ปรสิตล่องหน และเรื่องสั้นสั่นประสาทของโมปาสซ็อง
มนุษย์อาจดำรงอยู่ได้หากไม่ได้ยิน ไม่รับรส และไม่รับกลิ่น หมายความว่าเราจะไม่มีความคิดใดๆ เกี่ยวกับ เสียง รสชาติ และกลิ่นดังนั้น หากเรามีอวัยวะน้อยลงสักหน่อย เราก็จะไม่รู้จักสิ่งที่งดงามและแปลกประหลาดหลายอย่าง แต่หากเรามีอวัยวะมากขึ้นสักสองสามอย่าง เราจะค้นพบสิ่งอื่นมากมายนับไม่ถ้วนรอบตัวเรา ซึ่งเราไม่เคยสงสัยเลยว่ามีอยู่เนื่องจากไม่มีวิธีสังเกตสิ่งเหล่านั้น
หนึ่งในผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาของเรื่องสั้นสมัยใหม่แห่งวรรณกรรมโลก ตลอดชีวิตของกี เดอ โมปาสซ็อง (Guy de Maupassant) ได้ประพันธ์เรื่องสั้นตีพิมพ์ลงในนิตยสารและหนังสือพิมพ์กว่า 300 เรื่อง และนวนิยาย 6 เรื่อง โดยช่วงปี ค.ศ. 1880-1890 เป็นช่วงที่โมปาสซ็องตีพิมพ์ผลงานออกมามากที่สุด และบรรดาเรื่องสั้นในเล่ม “ปรสิตล่องหน และเรื่องสั้นสั่นประสาทของโมปาสซ็อง” ก็ล้วนแต่ได้ตีพิมพ์ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้โดนค่อนไปทางช่วงท้ายๆ ไม่นานก่อนที่โมปาสซ็องจะเสียชีวิตด้วยโรคซิฟิลิส
กล่าวได้ว่าเรื่องสั้นในเล่มที่ประกอบด้วย เรื่องเล่าวันคริสต์มาส (ตีพิมพ์ครั้งแรก 25 ธันวาคม 1882), ภาพปรากฏ (ตีพิมพ์ครั้งแรก 4 เมษายน 1883), มือ (ตีพิมพ์ครั้งแรก 23 ธันวาคม 1883), จดหมายจากคนบ้า (ตีพิมพ์ครั้งแรก 17 กุมภาพันธ์ 1885), ปรสิตล่องหน (ฉบับแรก) (ตีพิมพ์ครั้งแรก 26 ตุลาคม 1886), ปรสิตล่องหน (ตีพิมพ์ครั้งแรก 17 พฤษภาคม 1887) และ คืนร้าง (ตีพิมพ์ครั้งแรก 14 กรกฎาคม 1887) ต่างแสดงให้เห็นถึงสภาวะทางจิตใจของโมปาสซ็องที่ทรุดโทรมตามอาการของโรคร้ายที่กำเริบหนักขึ้นตามกาลเวลา ผู้อ่านจะได้เห็นความสนใจทางจิตเวชและศาสตร์การสะกดจิตที่ผนวกรวมกับจินตนาการอย่างหวาดระแวงถึงสิ่งที่ดำรงอยู่เหนือประสาทสัมผัสของมนุษย์ ที่ได้นำไปสู่การสร้างสรรค์เรื่องสั้นสยองขวัญที่ทรงอิทธิพลอย่าง “ปรสิตล่องหน” หรือ “Le Horla”
ชื่อเรื่อง “Le Horla” นั้นดูเหมือนจะมาจากคำภาษาฝรั่งเศสสองคำคือ “hors” ที่หมายถึง ข้างนอก กับ “la” ที่หมายถึง ตรงนั้น รวมกันได้เป็น “สิ่งที่อยู่ข้างนอกนั้น” ทำให้บางสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสของมนุษย์ที่ปรากฏในเรื่อง “ปรสิตล่องหน” รวมถึงในเรื่อง “จดหมายจากคนบ้า” และ “ปรสิตล่องหน (ฉบับแรก)” นั้น นอกจากจะเป็นสิ่งที่คอยเกาะติดและกลืนกินพลังชีวิตของตัวละครในเรื่องแล้ว ก็ยังเป็นสิ่งที่มีที่มาจากภายนอกหรือที่อื่น ที่บางการตีความอาจชี้ไปถึงสิ่งที่มีที่มาจากภายนอกโลกก็เป็นได้

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นในเรื่องสั้นของโมปาสซ็องคือ คุณสมบัติในการล่องหนหายตัวของสิ่งนี้ไม่ได้ถูกอธิบายหรือกล่าวถึงว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมากเท่ากับเรื่องขีดจำกัดทางการรับรู้ของมนุษย์ ความจึงกลายเป็นว่าถ้าหากมนุษย์มีอวัยวะเพิ่มขึ้นหรือสามารถที่จะรับรู้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ พวกเขาก็จะสามารถมองเห็นหรือรับรู้การมีอยู่ของสิ่งที่มีตำแหน่งในห่วงโซ่อาหารเหนือกว่ามนุษย์ หรือมีอำนาจบงการความเป็นไปมากกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะนึกถึงก็เป็นได้
แต่แนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในครรลองความคิดของผู้คนตามปกติ ตัวละครของโมปาสซ็อง ซึ่งในแง่หนึ่งได้สะท้อนจินตภาพอันผิดเพี้ยนและหวาดระแวงด้วยโรคภัยไข้เจ็บของเขา จึงต้องสงสัยในความเป็นไปทางจิตใจของตน ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเองเคยรับรู้และความเป็นจริงของสิ่งที่ตนเองคิด และในที่สุดก็แสดงออกถึงความวิกลจริตนั้นผ่านทางความคิดหรือการกระทำที่ปรากฏในเรื่อง โดยบ่อยครั้งไม่ได้มีการยืนยันว่าสิ่งที่พวกเขาพบเจอนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่
การใช้วิธีประพันธ์ตามแบบวรรณกรรมฟ็องตาสติก (fantastique) แบบโมปาสซ็องที่นำเสนอเรื่องของผู้คนธรรมดาที่พบเจอกับปรากฏการณ์แปลกประหลาด โดยไม่ได้อธิบายอย่างเบ็ดเสร็จว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างชัดเจน แต่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้และเชื้อเชิญให้ผู้อ่านตั้งคำถามต่อการรับรู้ของตนเอง เป็นข้อโดดเด่นของรวมเรื่องสั้น “ปรสิตล่องหน และเรื่องสั้นสั่นประสาทของโมปาสซ็อง” ที่ส่งอิทธิพลอย่างยาวนานต่อจินตนาการในแวดวงวรรณกรรมที่ว่าด้วยเรื่องสิ่งที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสโดยทั่วไปของมนุษย์ อย่างที่จะเห็นได้จากกลวิธีการเล่าเรื่องโดยการปะทะคัดง้างกันระหว่างความคิดว่าสิ่งเหนือการรับรู้ของมนุษย์นั้นมีอยู่จริงกับความคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงอาการความป่วยไข้ทางจิต ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมหรือผลงานสร้างสรรค์แขนงต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการจินตนาการในด้านมืดอีกมากมาย
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการกล่าวกันว่านักเขียนเรื่องสยองขวัญทรงอิทธิพลอย่าง เอช. พี. เลิฟคราฟต์ (H.P. Lovecraft) จะได้รับอิทธิพลทางแนวคิดจากโมปาสซ็องโดยเฉพาะในเรื่อง “ปรสิตล่องหน” ถึงขั้นนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานเรื่องสั้นขนาดยาวที่ทรงอิทธิพลต่อแวดวงอ่านเขียนเรื่องแต่งเขย่าขวัญเหนือธรรมชาติอย่าง “The Call of Cthulu” โดยเลิฟคราฟต์เองก็ได้แสดงความเห็นและการตีความต่อเรื่อง “ปรสิตล่องหน” ไว้ในบทความ “Supernatural Horror in Literature” ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1927 ด้วย
