หัวใจบริสุทธิ์ ของ กุสตาฟ โฟลแบรต์
แปลจากภาษาฝรั่งเศสโดย เลิศลักษณา ยอดอาวุธ
ถ่ายทอดเรื่องราวของจิตใจที่เรียบง่ายด้วยถ้อยคำที่เที่ยงตรงดูจะเป็นแก่นสารกลวิธีการประพันธ์ของกุสตาฟ โฟลแบรต์ในผลงานขนาดสั้นเรื่อง
หัวใจบริสุทธิ์ หรือ A Simple Heart (Un Cœur simple)
ที่เขียนขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของนิยายสามเรื่อง (Trois Contes)
จากปลายปากกาที่มุ่งตามหาถ้อยคำที่ต้องตรงอย่างพอดีกับความหมายที่ต้องการสื่อ บอกเล่าออกมาเป็นเรื่องราวของ เฟลิซิเต้ สาวใช้ผู้มีจิตใจซื่อตรงกับชีวิตเรียบง่ายตลอดจนการพบพานและพลัดพรากที่ประสบพบเจอในช่วงชีวิตนั้น ตามเค้าโครงที่โฟลแบรต์เขียนเล่าถึงในจดหมายที่มีต่อโรเชส์ เดส์ เจอเนตส์ ลงวันที่ 19 มิถุนายน 1876 ว่า
“เป็นเรื่องชีวิตอาภัพของผู้หญิงบ้านนอกที่ยากจนคนหนึ่ง เธอเป็นผู้มีความศรัทธาในศาสนาแต่ก็มีความเชื่อในสิ่งเร้นลับ มีนิสัยจงรักภักดีแต่ไม่ชอบแสดงออก เป็นคนนุ่มนวล เธอรักผู้ชายคนหนึ่ง รักลูกของนายจ้าง รักหลานชาย รักคนแก่อนาถาที่เธอเฝ้าพยาบาล และรักนกแก้วตามลำดับ เมื่อนกแก้วตาย เธอนำซากของนกแก้วไปให้เขาสตัฟฟ์เอาไว้ ครั้นเมื่อเธอใกล้ตายจิตสำนึกของเธอมีแต่นกแก้วกับพระจิตปะปนกันวุ่นวายไปหมด”
โฟลแบรต์เขียนให้เฟลิซิเต้ยากจนและขาดไร้การศึกษาด้วยทำนองภาษาที่สำรวมท่าทีและเก็บงำความรู้สึก ไม่ได้แสดงออกว่ายินร้ายหรือสงสารเวทนา อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านอาจสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงแฝงนัยอยู่บ้าง เช่นในตอนที่เฟลิซิเต้ไปสอบถามข่าวคราวของวิคตอร์ หลานชายที่เดินทางไกลไปกับเรือสินค้าเอากับเมอสิเยอร์บูเรต์ ผู้เป็นทนายความเก่าได้ว่า
“เขาหยิบแผนที่โลกออกมา แล้วเริ่มอธิบายเรื่องเส้นลองจิจูด เขายิ้มอย่างโอ้อวดเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของเฟลิซิเต้ ในที่สุดเขาก็ใช้ด้ามดินสอชี้ไปยังจุดสีดำขนาดเล็กจนแทบจะมองไม่เห็นบนส่วนตัดของรอยแต้มรูปไข่พลางเสริมว่า “นี่ยังไง” เธอโน้มตัวลงดูแผนที่ รู้สึกลายตากับเส้นสีต่างๆ ที่โยงกันไปมาและไม่เข้าใจอะไรเลย เมื่อบูเรต์บอกให้เธอถามเรื่องที่ยังงงอยู่ เธอก็ขอให้เขาช่วยชี้บ้านที่วิคตอร์อาศัยอยู่ให้เธอดู บูเรต์ยกแขนทั้งสองขึ้น เขาจามและหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกขันในความไม่รู้ของเธอ เฟลิซิเต้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงหัวเราะ เฟเลซิเต้รอคอยที่จะได้เห็นแม้กระทั่งภาพของหลายชายบนแผนที่ ด้วยสติปัญญาของเธอได้รับการฝึกฝนมาน้อยนิด!”
การขาดไร้ทรัพย์สมบัติทางวัตถุจึงกลายเป็นสิ่งขับเน้นความบริสุทธิ์ของจิตใจรวมไปถึงจิตวิญญาณ ผู้อ่านจะได้พบพานกับเรื่องราวทำนองเดียวกันกับข้างต้นนี้ในหลากหลายระดับความเข้มข้นตลอดเรื่อง “หัวใจบริสุทธิ์” กระทั่งถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสะเทือนใจเรียกน้ำตาในบางฉากบางตอน

อีกสิ่งหนึ่งที่เฟลิซิเต้ได้พานพบและผูกพันคือ นกแก้ว ซึ่งแต่เดิมเป็นสมบัติของมาดามลาร์ซอนนิแยร์ เฟลิซิเต้เองดูเหมือนคิดถึงนกแก้วตัวนี้อยู่ในใจมาระยะหนึ่งแล้ว
“เพราะมันมาจากทวีปอเมริกา คำว่า “อเมริกา” นี้ชวนให้เธอระลึกถึงวิคตอร์ผู้เป็นหลานชาย”
ตัวนกแก้วนั้นชื่อลูลู่ (Loulou) เมื่อนำมาเลี้ยง เฟลิซิเต้ก็ผูกพันกับลูลู่จนถึงขนาดพูดคุยกันได้
“เปรียบเสมือนทั้งลูกและคู่รักของเธอทีเดียว”
จนเมื่อลูลู่ตายจากไปในฤดูหนาวปี 1837 เฟลิซิเต้ก็นำมันไปสตัฟฟ์และเก็บไว้ในห้องนอนของตนเอง และ
“เมื่อเธอไปโบสถ์ เธอก็เฝ้าพิจารณาดูภาพพระจิต และเห็นว่าพระองค์มีส่วนละม้ายคล้ายกับนกแก้วของเธอ”
เฟลิซิเต้มองเห็นตัวตนของลูลู่ซ้อนทับในภาพวาดเชิงศาสนาจน
“นกแก้วกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วสำหรับเธอเพราะมีความเกี่ยวพันกับพระจิต”
กระทั่งในตอนที่ป่วยหนักในช่วงบั้นปลายชีวิต เฟลิซิเต้ก็ขอให้ผู้คนรายรอบนำนกแก้วไปร่วมบูชาในแท่นบูชาในงานฉลองแฟ็ต-ดิเยอด้วย ซึ่งเจ้าอาวาสก็อนุญาตและเรื่องราวก็เดินทางไปสู่ฉากสุดท้ายในชีวิตของเฟลิซเต้ที่มีทั้งความเงียบสงบและความเร้นลับ
การที่โฟลแบรต์เขียนเล่าถึงเรื่องราวที่ดูเหมือนเหนือจริงในเชิงศาสนาอย่างนิ่งเฉยโดยไม่สรรเสริญหรือวิพากษ์วิจารณ์ออกนอกหน้าทำให้เรื่องราวของเฟลิซิเต้มีความลึกล้ำและชวนให้เกิดการตีความที่หลากหลาย
ผู้อ่านอาจเห็นว่านี่เป็นการวิจารณ์ลักษณะจิตนิยมทางศาสนา หรืออาจเห็นว่านี่เป็นการวิจารณ์ความนิ่งเฉยต่อความทุกข์ยากของคนอื่นในหมู่กระฎุมพี การเข้าใจเรื่องราวสามารถเป็นไปในทางตรงข้ามกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามความโดดเด่นของ หัวใจบริสุทธิ์ นั้นอยู่ที่ความสมจริงและตัวละครหลักอย่างเฟลิซิเต้ที่เป็นแหล่งที่มาของสัญลักษณ์อันรุ่มรวยที่นำมาสู่การอ่านตีความได้อย่างหลากหลายนั่นเอง
