เขียนถึง “ฝันดีนะ ปุนปุน” (ตอนกลาง)
เรื่องของคำสัญญาและความบิดเบี้ยว
“งั้นไปคาโงชิม่ากันตอนนี้เลย!! ดีมั้ย?”ปุนปุนไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้
เขาควรจะไปอยู่ที่อื่นไกลๆ ไม่ใช่สถานที่ที่น่าเบื่อหน่ายแบบนี้
หลังจากไม่ได้พูดคุยกับไอโกะจังร่วมสองปี กับเรื่องของรุ่นพี่ยางุจิซึ่งกำลังคบกับไอโกะจังและได้รับรู้ถึงสายสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างปุนปุนกับไอโกะจัง ก็เกิดเรื่องการท้าแข่งกันด้วยสัญญาลูกผู้ชายที่ทำให้ปุนปุนพบว่า
“…เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็มีชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกดีจากการได้ทรยศและทำให้คนผู้หนึ่งพ่ายแพ้…ราวกับในหัวของเขามีใครอีกคนอยู่ข้างใน”
ปุนปุนก็ได้เอ่ยขอโทษไอโกะจังเรื่องสัญญาว่าจะไปคาโงชิม่าด้วยกัน ไอโกะจังตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มบอกว่าไม่ติดใจ จากนั้นก็ชวนปุนปุนไปคาโงชิม่ากันทันทีหลังจากบอกเล่าความรู้สึกว่ารอใครสักคนมารับไปให้ปุนปุนได้ยินเป็นครั้งแรก ปุนปุนปฏิเสธคำขอของเธอด้วยความรู้สึกซับซ้อนระหว่างรู้สึกรับผิดชอบต่อการแข่งขันกับรุ่นพี่ยางุจิบวกกับไม่แน่ใจในตัวเองต่อคำขอของไอโกะจัง การบอกปฏิเสธครั้งนี้ก็ได้ทำให้เส้นทางของทั้งสองคนหันเหออกจากกันไปอีกครั้ง
จากนั้นเรื่องราวก็หันไปหาน้ายูอิจิกับมิโดริจังแฟนสาว ที่ก่อนจะได้คบหากันก็ต้องเผชิญหน้ากับอดีตและปมฝังใจของตัวน้ายูอิจิเอง และหลังจากที่คบกันแล้วจนเรื่องราวดูเหมือนจะลงตัวจนน้ายูอิจิได้ไปมีเรื่องนอกใจจนต้องชดเชยค่าเสียหายสองล้านเยนและหนีหายไป ทำให้แม่ของปุนปุนต้องขายบ้านที่ทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกันเพื่อเอาเงินมาจ่าย ปุนปุนที่กำลังขึ้นชั้น ม. ปลายก็ได้กลายมาเป็นผู้คอยประคับประคองจิตใจมิโดริจังที่แบกรับเรื่องราวไว้มากมายทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องคนในบ้านของปุนปุน จนสถานการณ์เลยเถิดไปจนนำไปสู่การสูญเสียความบริสุทธิ์ของปุนปุน อีกทั้งยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ที่เหมือนไม่มีอยู่ระหว่างแม่ลูก และน้ายูอิจิที่กลับมาหลังจากค้นพบความหมายให้กับการดำเนินชีวิตของตัวเองต่อไปในจังหวะที่ประจวบเหมาะกับการที่คุณตาของปุนปุนที่โอฟุนะเสีย และน้ายูอิจิกับมิโดริจังก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน ชีวิต ม. ปลายของปุนปุนจึงเปิดฉากขึ้นอย่างบิดเบี้ยวในรูปแบบนี้
“ทางช้างเผือก”
ด้วยความรู้สึกว่ายังไม่อาจเข้าพวกกับกลุ่มเพื่อน ม. ปลายก็ทำให้ปุนปุนได้รู้จักกับคานิเอะ สาวเพื่อนร่วมชั้นที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับชีวิต ที่เพียงแค่ได้คุยกันหลังจากชวนเธอไปเดทไม่นาน ปุนปุนก็รู้ว่าทั้งคู่ไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย แม้การเดทนั้นจะจบลงอย่างพังพินาศ แต่การไปเที่ยวชมนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปะที่พี่สาวของคานิเอะร่วมจัดก็ทำให้ปุนปุนได้พบกับภาพวาด “ทางช้างเผือก” ที่เขียนโดยนันโจ ซาจิ หรือซัจจัง ซึ่งทำให้ปุนปุนหวนนึกถึง
“ท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ เหมือนกับท้องฟ้าในตอนนั้นเลย”
ท้องฟ้าตอนที่เดินกลับจากโรงงานร้างพร้อมกับเพื่ออีกห้าคน ที่แม้เวลาจะผ่านไปเท่าใดก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย แต่ทว่าทุกคนในตอนนั้น ทั้งฮารุมิน โคมัตจัง ชิมิจัง เซกิคุง รวมถึง ไอโกะจัง กลับหายตัวกันไปหมด กับตัวปุนปุนเองที่คิดกับตัวเองว่า
“เรามาทำอะไรอยู่เนี่ย? แบบนี้มันดีแล้วจริงๆ เหรอ? ใช้หัวคิดบ้างสิ ดีแต่อ้างเหตุผลงี่เง่าเอาแต่แก้ตัวไม่ก็เปลี่ยนเรื่อง …เจ้าบ้าเอ๊ย”“…หนวกหู …หนวกหูโว้ย… ฉันก็พยายามในแบบของตัวเองอยู่นี่ไง…” ปุนปุนพยายามอดกลั้นอย่างที่สุด
ตัวซัจจังที่ถึงจะพูดว่า
“งานแสดงนี้ทุกครั้งที่จัดจะมีธีมให้ผู้ร่วมแสดงผลงาน คราวนี้เป็นธีม “ความทรงจำในช่วงวัยรุ่น”ที่จริงฉันไม่ชอบเลยเพราะการนึกถึงเรื่องในอดีตมันไม่ได้ช่วยอะไร”
แต่หลังจากที่เห็นปุนปุนยืนน้ำตาคลอมองภาพเขียนของเธอ ก็ได้ยื่นสมุดแสดงความคิดเห็นให้ สิ่งที่ปุนปุนเขียนลงไปในสมุดเล่มนั้นคือเรื่องราวของตัวเองที่ความทรงจำผสมปนเปกับความเพ้อฝันที่ตัวปุนปุนเองก็มองว่าฟุ้งฝันแบบเด็กๆ
“ผม” คือเด็กผู้ชายธรรมดาที่อาศัยอยู่ปลายทางช้างเผือกอันไกลโพ้น อยู่มาวันหนึ่ง ผมรู้สึกหดหู่ที่ต้องไปโรงเรียน เพราะมิโยะจังซึ่งเป็นไอดอลของชั้นต้องย้ายไปเรียนที่อื่น
หลายวันต่อมาก็มีเด็กสาวจากดาวอันไกลโพ้นย้ายมาเรียนที่เดียวกัน “ผม” ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น ไม่มีเหตุผลอะไรรองรับ ผมแค่เชื่อว่าเธอคือคนที่ฟ้าส่งมาให้ผม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “ผม” จะต้องปกป้องเธอ
ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แบบนั้นแต่แล้ว “ผม” ก็สูญเสียเธอไป เมื่อ “ผม” โตเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เวียนว่ายอย่างไร้จุดหมายอยู่ในทางช้างเผือกเพื่อตามหาสิ่งสำคัญที่สูญเสียไป …เรื่องก็เป็นเช่นนี้
การหายตัวไปของไอโกะจังจึงเท่ากับความรู้สึกไม่มีที่ยึดเหนี่ยวของปุนปุนที่มากขึ้น อ. อาซาโนะได้นำเอาการถ่ายทอดความซ้ำซากจำเจของชีวิตประจำวันของนักเรียน ม. ปลายที่ไม่ได้มีจุดหมายชัดเจน พูดอีกอย่างได้ว่าเป็นชีวิตประจำวันตามปกติที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวาที่ไม่ว่าใครก็ต่างเคยประสบพบเจอกับตัว มาใช้แทนคำบอกเล่าถึงความขาดบางสิ่งในชีวิตของปุนปุน ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปอีกสองปีและแม่ของปุนปุนได้จากไปแล้วด้วยโรคมะเร็งกับเวลาจบการศึกษาที่ใกล้เข้ามา ปุนปุนที่ยังไม่อาจแน่ใจว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหนก็หลับตาลงและเอ่ยว่า
“วันนี้ ปุนปุน ก็ยังสบายดีเหมือนเดิม”
และใช้ชีวิตอย่างล่องลอยไปมาจนกระทั่งวันหนึ่ง ปุนปุนได้เห็นไอโกะจังบนสถานีรถไฟและคลาดกับเธอ เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ปุนปุนตระหนักได้ว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดต่อชีวิตเขาคือการตามหาไอโกะจัง และนั่นทำให้ปุนปุนตัดสินใจออกมาเช่าห้องพักอยู่คนเดียวพร้อมทำงานพิเศษไปด้วย
เดเน็บและเรื่องของหงส์
ด้วยการแนะนำอย่างโชคชะตากำหนดจากผู้จัดการเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ปุนปุนเช่าห้อง ปุนปุนได้หวนกลับมาพบกับผู้วาดภาพ “ทางช้างเผือก” นั่นก็คือซัจจังอีกครั้ง แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างจากการพบกับคนอื่นๆ ที่แล้วมาของปุนปุน เพราะฝ่ายที่ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งเป็นทางซัจจัง ซึ่งประทับใจกับสิ่งที่ปุนปุนเขียนไว้ในสมุดแสดงความคิดเห็นต่อภาพวาดของเธอเมื่อสามปีก่อน
“ถ้าเป็นไปได้ นายอยากลองเขียนต่อมั้ยล่ะ?ฉันตระหนักถึงความสามารถของโอโนเดระคุงนะ?”
ซัจจังบอกปุนปุนในตอนแรกว่าอยากชวนมาเขียนเรื่องให้กับหนังสือภาพที่เธอคิดจะทำ แต่จากปากคำบอกเล่าของคานิเอะคนพี่สาวทำให้ปุนปุนได้รู้ว่าความฝันของซัจจังคือการเป็นนักวาดการ์ตูน ที่เธอต้องล้มเลิกไปกลางคันเพราะพลาดหวังตอนเรียนมหาวิทยาลัยบวกกับการขาดความต่อเนื่องที่ทำให้ถอดใจ และการที่ซัจจังแต่งเรื่องเองไม่ได้ และคานิเอะคนพี่สาวที่อยากให้ปุนปุนรับคำของของซัจจังยังเล่าว่า
“ถ้าให้เปรียบยัยนั่นก็เหมือนหงส์ หมายถึง ลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายเป็นหงส์ไงละต้องตะเกียกตะกายว่ายน้ำ ล่องลอยอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งเข้มแข็ง”
ต่อมา จากการปะทะคารมระหว่างซัจจังกับลูกสาวของผู้จัดการทำให้ปุนปุนได้รู้ถึงวิธีการใช้ชีวิตที่เถรตรงและไม่ยอมแพ้โชคชะตาจนเรียกได้ว่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งของซัจจัง การทำศัลยกรรมใบหน้าและร่างกายคือการเลือกดำเนินชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ เป็นการยึดอุดมคติของตนเองเป็นที่ตั้งว่าถูกต้องที่สุดเพื่อไขว่คว้าความฝันจากการต่อสู้แข่งขันกับคนอื่นๆ
“พอมองดูคนที่เอาแต่กลัวไม่ยอมทำอะไรอย่างนายแล้ว มันทำให้ฉันหงุดหงิด เหมือนเห็นภาพตัวเองในวัยเด็กที่พยายามทิ้งมันไปนานแล้ว ทำให้รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกฉันว่าฉันเข้าใจดีเลยแหละ สิ่งที่นายกังวลอยู่จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย …เพราะงั้นฉันถึงยกโทษให้ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทอดทิ้งนายเด็ดขาด”

ในฉากนี้ ซัจจังได้กลายเป็นดาวเดเน็บ (Deneb) ดึงปุนปุนให้หลุดออกมาจากเปลือกของรูปทรงสามเหลี่ยมที่เขาห่มหุ้มตัวเองเพื่อแสดงความเฉยเมยต่อเรื่องต่างๆ โดยล่องลอยไปมาอย่างไม่มีความหมายแอบแฝงใดๆ อยู่พักใหญ่
จากการที่มีสามเหลี่ยมฤดูร้อนปรากฏอยู่ในฉากนี้ก็อาจจะทำให้กล่าวได้ว่า ซัจจังในฐานะดาวเดเน็บได้ส่องแสงให้ปุนปุนกลับคืนสู่การเป็นดาวอัลแทร์ (Altair) หรือมีความคิดที่จะก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง
ทั้งสองคนได้ตัดสินใจร่วมมือกันเขียนการ์ตูนเพื่อส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา โดยซัจจังจะเป็นผู้วาดภาพและปุนปุนจะเป็นคนเขียนเนื้อเรื่อง การลงมือทำงานอย่างตั้งใจทำให้เกิดความใกล้ชิดแต่ปุนปุนกับซัจจังก็ยังมีระยะห่างระหว่างกันไว้จากความคิดฝังใจเรื่องไอโกะจังของปุนปุนนั่นเอง ข้อเสนอของซัจจังว่าจะช่วยค้นหาไอโกะจังให้ภายในสามวันถูกปุนปุนปฏิเสธจนโดนเธอต่อว่าว่าให้ไปตายซะ และดูเหมือนเขาจะลืมเป้าหมายข้อนี้ไปชั่วขณะหนึ่งตอนที่อยู่กับซัจจัง อย่างน้อยปุนปุนก็ไม่ได้บ่นพร่ำเพ้อคนเดียวในห้องเช่าเหมือนเมื่อก่อนและเริ่มพยายามหาหนทางไปต่อในชีวิตของตนเอง
“คุณซาจิน่ะไม่ว่ากับใครก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหมด คุณจิตใจดีแล้วก็เจ๋งกว่าที่ตัวคุณเองคิดอีกนะครับ…!!”“…แต่ผมน่ะต่างกับคุณ ถ้าหากคุณยังใจดีกับผมต่อไปล่ะก็…”
“…ผมคงชอบคุณจริงๆ แน่เลย”
แล้วฟันเฟืองที่กระจัดกระจายก็เวียนมาบรรจบ
หลังจากเวลาผ่านไป 1 ปีครึ่ง ต้นฉบับการ์ตูนที่สำเร็จของซัจจังและปุนปุนได้รับการปฏิเสธ แม้ว่าซัจจังจะไม่ได้เสียกำลังใจจนเลิกล้มไปเหมือนคราวก่อนและตัดสินใจจะยืนหยัดสู้ต่อ แต่เส้นทางของปุนปุนกับซัจจังก็เริ่มหักเหออกจากกัน
หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภูมิภาคโทโฮคุ ปุนปุนก็เริ่มเก็บตัวอยู่ในห้องขณะที่ซัจจังก็ยังอยู่ในอารมณ์ผิดหวัง ทั้งที่ทั้งสองคนตั้งใจจะสู้เดินหน้าทำงานต่อไปแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดอยู่กับที่ พร้อมกับที่ความไม่เข้าใจกันในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่เพิ่มมากขึ้น
สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงอีกเมื่อผู้จัดการโดนทำร้ายจนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างเดิมไม่ได้ ปุนปุนก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปสองปีหลังจากที่เริ่มเช่าห้องอยู่คนเดียว (ซึ่งก็คือห้องที่ปุนปุนเช่ากับผู้จัดการ) ถ้าหากชีวิตเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมเขาจะฆ่าตัวตาย
ด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นคงและสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างเศร้าหมอง อ. อาซาโนะก็ได้ให้ปุนปุนตายลงในความหมายที่ว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงบุคลิกเป็นคนอื่น โดยซ่อนคำอธิบายว่าเป็นวิธีการทำให้ปุนปุนดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยกกับตัวเองเหมือนแต่ก่อน หรืออาจพูดอย่างสรุปได้ว่าเป็นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นการเกิดใหม่ในฐานะคนอื่นที่บางทีก็ดูไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนจะเป็นแก๊กตลกจากอีกหลายๆ แก๊กที่ปรากฏในเรื่อง
ซัจจังยังคงตั้งใจทำงานอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่ได้เจอกับปุนปุน ส่วนปุนปุนในตัวตนใหม่ที่ผ่านการเติบโตขึ้นก็ได้ไปสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถยนต์ และที่นั่นปุนปุนก็ได้พบกับไอโกะจัง และเรื่องราวก็เดินทางเข้าสู่บทสุดท้าย