รีโมตเดียว ป่วนทั่วเอกภพ

morimi tomihiko - the tatami time machine blues


วันร้อนตับแลบ รีโมตแอร์ ไทม์แมชชีนบลูส์ – โมริมิ โทมิฮิโกะ


เลยจุดที่จะย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่


เรื่องราวปั่นป่วนของชุมนุมคนเพี้ยน ในบรรยากาศแบบนิยายนักศึกษา ที่มีฉากเป็นเมืองเกียวโตที่ร้อนระอุ


ทุกอย่างเริ่มต้นที่เครื่องปรับอากาศโบราณกับรีโมตคอนโทรล การถ่ายทำภาพยนตร์นักศึกษา เลยเถิดไปเป็นการผจญภัยสุดเพี้ยนข้ามกาลเวลา ชนิดที่คาดเดาไม่ถูกว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรและจะจบลงเช่นไร


ขณะที่ผมเดินกลับจากแม่น้ำคาโมะในยามอาทิตย์อัสดงไปยังหอพักชิโมกาโมะยูซุยโซ สิ่งที่รออยู่ปลายทางเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย และมันไม่ใช่แค่ส่งผลต่อผมเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่นำไปสู่การเริ่มต้นของภยันตรายต่อทั้งจักรวาลที่รวมเอาทางช้างเผือกเข้าไปด้วย


สถานการณ์ต่างๆ ที่ดูวุ่นวายชวนให้สับสนในตอนแรกจะค่อยๆ คลี่คลายและเผยคำตอบออกมา


ผู้เขียนฉลาดในการบอกใบ้และให้คำทายในตอนที่อาจมองข้าม


น้ำเสียงบอกเล่าเป็นแบบผ่อนคลายสบายอารมณ์เข้าทำนองนิยายวัยรุ่น แถมยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันเฉพาะตัวแบบผู้เขียน ที่น่าจะเป็นผลมาจากการยกขโยงมากันครบครันของตัวละครจากเรื่อง “Yojohan Shinwa Taikei” หรือ “The Tatami Galaxy” และเรื่อง “คืนพิสดาร ศาลเจ้า สาวผมดำ” ผลงานชิ้นก่อนหน้า


ซึ่งผู้เขียนก็ได้บรรยายตัวละครแต่ละคนได้อย่างเห็นภาพและเชิญชวนอ่านสำหรับผู้อ่านที่เพิ่งเคยเจอกับพวกเขาเหล่านี้อย่างมาก


ซัมเมอร์ ไทม์ แมชชีน บลูส์


ผู้เขียน (โมริมิ โทมิฮิโกะ) นำทีมตัวละครผู้โดดเด่นของตนเองมาเล่าผ่านโครงเรื่องบทละครของ อุเอดะ มาโคโตะ ที่มีชื่อเรื่องว่า Summer Time Machine Blues ซึ่งมีทั้งความเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นและนิยายวิทยาศาสตร์ผสมผสานกันอย่างชวนให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยไปกว่ากัน และบทละครเรื่องนี้เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ออกฉายมาแล้วในชื่อเดียวกันเมื่อปี 2005


โดยการดัดแปลงเรื่องราวจากบทละครมาเป็นนวนิยายผ่านคุณสมบัติเฉพาะของตัวละครจอมเพี้ยนทั้งหลายนั้นก็ทำให้ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดความสนุกสนานและบันเทิงจากในจอมาสู่หน้ากระดาษได้เป็นอย่างดี


ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวของตัวละครชุดเดียวกัน โผล่หน้ามากันถ้วนหน้าทั้ง “ผม” โอซึ คุณอากาชิ ฮิงุจิ โจงาซากิ ฮานุกิ


แต่ดูเหมือนผู้เขียนจะไม่ได้ถือว่า วันร้อนตับแลบ รีโมตแอร์ ไทม์แมชชีนบลูส์ เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการของ The Tatami Galaxy เสียทีเดียว


สถานการณ์เป็นเหมือนกับว่า เหล่าตัวละครชุดเดิมเหล่านี้กำลังแสดงเล่นตามบทละครอยู่ในผลงานที่ดัดแปลงมาอีกต่อ


ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงทีมตัวละครในบทเดิมนั้นย่อมนำพาเรื่องราวที่ต่างกันเสริมเพิ่มเข้ามา


อย่างเรื่องของการถ่ายหนัง “ตำนานผู้อ่อนด๋อยสิ้นบากุฟุ ซามูไรวอร์ส” ของคุณอากาชิที่นำพาตัวละครมาอยู่ร่วมกันในที่เดียว


หรือเรื่องราวความแตกแยกใน “ชมรมศึกษารถรางเคฟุกุ” ที่เป็นบ่อเกิดแผลในใจตัวเอกก็ชวนให้ขำไม่น้อย


เหล่ามนุษย์จอมเพี้ยนจึงได้มาเจอกันเกิดเป็นเรื่องราวที่เพี้ยนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันขึ้น ทุกอย่างจึงผสมโรงกันปั่นป่วนวุ่นวายอย่างช่วยไม่ได้


หน้าร้อนที่มีความหมาย – วันร้อนตับแลบ รีโมตแอร์ ไทม์แมชชีนบลูส์


ทั้งนี้ นอกจากบรรดาเรื่องราวหลายอย่างที่คาดไม่ถึง ในนวนิยายเรื่องนี้ยังมีบทบรรยายภาพเหตุการณ์ที่น่าสนใจปะปนอยู่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่างเช่น


หลังตื่นจากห้วงหลับใหลอันยาวนาน ผมก็ลุกจากที่นอน รอบข้างยังเป็นเพดานห้องอย่างเคย ห้องสี่เสื่อครึ่งอย่างเคย ความเงียบเชียบอย่างเคย แต่กลับเกิดความว้าวุ่นใจแปลกๆ ขณะที่เปิดประตูห้องเพื่อออกไปยังห้องน้ำรวม ตรงนั้นกลับไม่ใช่ทางเดิน แต่เป็นห้องสี่เสื่อครึ่งราวกับภาพสะท้อนในกระจก และอีกฟากของหน้าต่างห้องสี่เสื่อครึ่งนั้นมีห้องสี่เสื่อครึ่ง เป็นห้องสี่เสื่อครึ่งที่ทอดตัวต่อเนื่องกันออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ผมถูกกักขังไว้ในโลกแห่งห้องสี่เสื่อครึ่งอันพิลึกพิลั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


วันร้อนตับแลบ รีโมตแอร์ ไทม์แมชชีนบลูส์” จึงเป็นนวนิยายที่ความสมจริงผสมผสานกับความเป็นแฟนตาซีได้อย่างชวนให้สนุกสนานบันเทิง เรียกเสียงหัวเราะได้ในบางจังหวะอย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงเรื่องราวและการกระจายบทให้ตัวละครแต่ละตัว ที่ทำได้อย่างโดดเด่นครบเครื่อง เป็นฝีมือการเขียนและท่วงทำนองการประพันธ์ที่ชวนให้ติดตามผลงานกันต่อไป