เขียนถึง “ฝันดีนะ ปุนปุน” (ตอนจบ)
โฉมหน้าของคำสัญญา
ปุนปุนที่เจอกับไอโกะจังอีกครั้งเป็นปุนปุนที่สวมอีกบุคลิกอยู่ เรียกได้ว่าเสแสร้งเล่นเป็นอีกคนอยู่อย่างที่เห็นที่ได้จากบทพูดที่เน้นทำให้ตัวเองดูดี แต่ขณะที่โกหกอีกฝ่ายอยู่นั้น ปุนปุนกลับรู้สึกขัดแย้งในใจอย่างหนักเพราะไอโกะจังที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น
เธอก็เป็นเหมือน เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง…ไม่สิ เธอก็เหมือนเด็กผู้หญิงงี่เง่า ทั่วไปนั่นแหละ
นี่ไม่ใช่… ไอโกะจัง
ในขณะที่เมื่อปุนปุนใช้ชีวิตในอีกบุคลิกหนึ่ง เขาเองก็รู้สึกแปลกแยกกับสิ่งรอบข้างและตัวเองโดยเรียกได้ว่าเป็นผลโดยตรงมาจากการได้พบกับไอโกะจังที่ผิดไปจากที่คาดคิด ความผิดหวังในความปกติทำให้เกิดความขัดแย้งกับตัวตนที่ได้ปั้นแต่งขึ้นภายใต้ชื่อเรียกของการตายและเกิดใหม่จนกลายเป็นสมเพชตัวเอง
“ไม่ใช่…”“มันไม่ใช่แบบนั้น…!!”
…ปุนปุนคิดขึ้นมาได้
“เขามี”
“…หน้าตาแบบนี้เหรอ?”
ปุนปุนในโฉมหน้าสีดำที่มีดวงตาสี่ดวงเรียงกันโดยมี “พระเจ้า” โผล่มาอยู่ข้างหลังในฐานะตัวแทนของความรู้สึกอันมืดมิดอีกครั้ง
สมัยเด็กไอโกะจังเคยบอกว่า “อีกไม่กี่ปีน้ำมันจะหมดไป สภาพแวดล้อมถูกทำลาย มนุษยชาติจะตายกันหมด
เพราะเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้น ทำให้ตัวเองต้องอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ ในขณะที่ไอโกะจังทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น และทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ
ปุนปุน… จะไม่โกหกฉันใช่มั้ย?
…คนที่โกหกคือเธอต่างหาก
อารมณ์ที่ผิดเพี้ยนและคุกรุ่นทำให้การพบกันของปุนปุนกับไอโกะจังในครั้งต่อมา จากฝ่ายปุนปุนนั้นเต็มไปด้วยการกระทำอย่างหวังผลบางอย่างที่บิดเบี้ยวไม่ต่างกัน
เขาเกิดความคิดว่าถ้าหากไอโกะจังเปลี่ยนไปแล้ว ตัวเองก็จะขอทำให้เธอพังทลายป่นปี้ไปด้วยมือของตัวเอง โดยไม่ได้ใส่ใจว่าที่จริงแล้วอีกฝ่ายคิดอย่างไรรู้สึกอย่างไร
สิ่งที่ฉันจะทำมันอาจจะเกินไป—แต่ฉันอยากทำให้เธอโชคร้ายและเสียใจไปตลอดชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ปุนปุนจึงต้องตกใจจนชะงักเมื่อไอโกะจังขอให้หยุดตอนที่เขากำลังรุกล้ำเข้าไป คำพูดของไอโกะจังดูเหมือนจะบอกใบ้ถึงเรื่องราวที่ต่างไปจากที่ปุนปุนเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวจริงๆ หรือเลิกหดหู่ได้ ปุนปุนที่รู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็ได้แต่ถอดใจเมื่อรู้สึกว่าแผนการทั้งหมดที่วางไว้นั้นพังหมดสิ้นแล้ว
หลังจากที่พบเจอเรื่องราวต่างๆ กับไอโกะจัง ปุนปุนที่โซซัดโซเซไปที่ห้องของซัจจังก็ได้เจอกับผู้ชายที่เป็นอดีตสามีของเธอ การนัดพบพูดคุยที่เลยเถิดไปเป็นการถือวิสาสะอบรมเรื่องวิธีการใช้ชีวิตที่ทำให้ปุนปุนนิ่งฟังและยอมรับ นำไปสู่การบอกเล่าเรื่องสำคัญให้รู้สองเรื่องจากซัจจัง หนึ่งคือผลงานการ์ตูนที่เธอเขียนเองคนเดียวได้รับการตีพิมพ์ ปุนปุนจึงดูเหมือนจะเป็นตัวถ่วงมากกว่าตัวช่วยของซัจจัง ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องที่ซัจจังกำลังตั้งท้องโดยเป็นลูกของสามีเก่าที่เธอตัดสินใจไม่บอกให้รู้ ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนปุนปุนได้เอ่ยถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนตอบว่าซัจจังเห็นว่าใครสำคัญกว่ากันระหว่างสามีคนเก่ากับปุนปุน ทำให้ซัจจังเผยท่าทางสับสนและหวั่นไหวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก ลงท้ายตอนด้วยการที่ซัจจังบอกกึ่งขอกับปุนปุนว่าถ้าหากเธอตั้งใจจะไม่เอาเด็กไว้จะขอให้ปุนปุนไปเป็นเพื่อนตอนที่เธอทำแท้ง โดยที่ปุนปุนตอบรับปากเสียงแผ่วเบา
ปุนปุนคิดว่า เขาไม่ควรพูดอะไรในตอนนี้ แค่อยู่เป็นกำลังใจให้เธอก็พอ—
เวลาที่หยุดเดินไปนั้น ในที่สุดได้ออกเดินอีกครั้ง
เมื่อพบกันที่โรงเรียนสอนขับรถครั้งต่อมา ปุนปุนชวนไอโกะจังไปข้างนอกด้วยกันเพื่อพูดคุย ท่ามกลางบรรยากาศกระอักกระอ่วนจนไอโกะจังขอตัวกลับ ปุนปุนได้เอ่ยปากสารภาพความจริงว่าที่บอกไปเมื่อคุยกันคราวก่อนนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ความจริงคือเขาตามหาไอโกะจังมาตลอดสิบปี และส่วนลึกในจิตใจนั้นปุนปุนยังรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปคาโงชิม่ากับไอโกะจังจนทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเองหายไป นอกจากนั้น เขายังเอาความล้มเหลวของตัวเองโทษเป็นความผิดของไอโกะจังเสียอีก ยิ่งเมื่อได้เจอและเห็นว่าไอโกะจังไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้วปุนปุนยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองไปกันใหญ่
เรื่องกลับชวนให้แปลกใจตรงที่ไอโกะจังยิ้มออกมาและเอ่ยถึงคำสัญญาที่ทั้งคู่มีให้แก่กันในตอนเด็กที่ว่า ถ้าปุนปุนโกหก ไอโกะจังจะฆ่าเขา กลายเป็นว่าทั้งสองคนต่างไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างที่ต่างฝ่ายต่างคิดแต่กลับยังคงความเชื่อที่มีตอนเด็กจนชีวิตบิดเบี้ยวเหมือนกันทั้งคู่ ไอโกะจังบอกว่าจะให้อภัยปุนปุนครั้งนี้เพราะเธอเองก็โกหกเขาไว้หลายเรื่องเช่นกัน นอกจากนั้นไอโกะจังยังบอกว่า
…นี่ ปุนปุน ขอบใจนะที่รอฉันมาตลอด ฉันเองก็…เฝ้ารอมาตลอดเหมือนกัน
การสนทนาเปิดใจของปุนปุนกับไอโกะจังนำไปสู่การยืนยันสิ่งที่ปุนปุนมองว่าเป็นคำสาปที่ไอโกะจังร่ายใส่เขาไว้ด้วยการจูบ จากนั้นเรื่องราวก็เปิดเผยชีวิตที่บ้านของไอโกะจังที่ต้องทำงานรับจ้างในโรงงานเพื่อหาเลี้ยงแม่ที่เดินไปไหนมาไหนไม่ได้และยังนับถือลัทธิแปลกประหลาดและซื้อเครื่องรางงมงายไม่ต่างจากเมื่อก่อน ซ้ำยังชอบใช้กำลังทำร้ายร่างกายไอโกะจังเมื่อเห็นว่าไม่เชื่อฟังอีกด้วย
แค่ทำตัวปกติก็พอ ปกติ…ไปดูหนัง… ไปดื่มชา… ไปซื้อของ…
ส่วนทางปุนปุนเองก็สับสนกับท่าทีของซัจจังที่โทรศัพท์มาบอกในวันที่นัดกันว่าปุนปุนไม่ต้องไปกับเธอก็ได้ทำให้อารมณ์ความรู้สึกคุกรุ่นไม่มั่นคง ขณะที่หน้าประตูห้องของเขานั้นก็มีไอโกะจังยืนรออยู่
…ปุนปุน…อยู่มั้ย
เมื่อเห็นไอโกะจังที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกแม่ทำร้าย ปุนปุนที่กำลังสับสนและจิตใจแปรปรวนจากเรื่องของซัจจังก็ได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าของไอโกะจังออก ก่อนทั้งสองคนจะปล่อยตามอารมณ์ร่วมหลับนอนกันในที่สุด ก่อนที่ไอโกะจังจะถามอย่างที่เคยถามปุนปุนตอนทั้งสองยังเด็กว่า
…จากนี้ไปจะเอายังไง?ปุนปุนชอบฉันรึเปล่า?
“ชอบสิ”
งั้น
ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน
โดยปุนปุนก็บอกเล่าถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่า
…หากมีสถานที่ที่ทำให้ดำดิ่งได้มากกว่านี้ล่ะก็ที่นั่นคงเป็นนรกแล้วละมั้ง
ต่อมาหลังจากเล่าถึงสถานการณ์ที่บ้านแล้ว ไอโกะจังก็บอกปุนปุนถึงความต้องการออกมาจากบ้านหลังนั้น ทั้งสองทำความเข้าใจตรงกันว่าจะไปบอกกับแม่ของไอโกะจังตามตรงเพื่อออกมาใช้ชีวิตอยู่กันเองสองคน
เมื่อตั้งใจแบบนั้นแล้ว ไอโกะจังก็บอกให้ปุนปุนไปหาแม่ของเธอกันทันที ทำให้จังหวะที่ปุนปุนกับไอโกะจังนั่งแท็กซี่ไปในเขตเมืองนั้น เขาได้หันไปเห็นใบหน้าของซัจจังที่ยืนอยู่ริมถนนและมีน้ำตาปริ่มคลอก่อนจะหลับตาลงด้วยอาการเศร้าหมอง
ปุนปุนที่คิดอย่างเหม่อลอยถึงการย้อนกลับหลังไปไม่ได้ของชีวิตประจำวันและได้บอกตัวเองว่าอย่าหันกลับไปมองก็ได้ยินไอโกะจังพูดว่า
ชีวิตฉันน่ะ… มีแค่ปุนปุนแล้วนะ
เราสองคน… มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ?
ทุกอย่างเพื่อช่วงเวลานี้
ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ปุนปุนมักบอกอยู่เสมอว่าไอโกะจังเป็นคนที่ฟ้าประทานส่งมาให้สำหรับเขา การพบกันครั้งแรกที่ทำให้ปุนปุนตกหลุมรักไอโกะจังนั้นปราศจากเหตุผลใดๆ รองรับ เช่นเดียวกับความรู้สึกผูกพันและอยากปกป้องนั้นก็ไม่ได้มีคำอธิบายถึงสาเหตุใดๆ ได้ การพบเจอและสายสัมพันธ์ที่เหมือนโชคชะตากำหนดราวกับเทพนิยายได้นำพาให้ทั้งปุนปุนและไอโกะจังมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยนและวิปริตด้วยจิตใจของพวกเขาเองที่ต่างบิดเบี้ยวไปแล้วด้วยเช่นกัน เป็นเหตุผลที่ทำให้ปุนปุนเลือกทางออกที่เลวร้ายที่สุดตอนที่แม่ของไอโกะจังเกิดคลุ้มคลั่งขาดสติเมื่อไอโกะจังแสดงความตั้งใจจะออกจากบ้านมาอยู่กับปุนปุนสองคนและได้ใช้มีดทำครัวเข้าทำร้ายลูกสาวของตัวเอง โดยปุนปุนได้เข้าห้ามและพลั้งมือใช้กำลังจนกลายเป็นได้บีบคออีกฝ่ายจนแน่นิ่ง สัญชาตญาณและแรงกระตุ้นดำมืดที่ผลักดันให้ปุนปุนไปสู่ปฏิกิริยาตอบสนองสุดขั้วได้แสดงออกมาทั้งใน “พระเจ้า” และใบหน้าของปุนปุนที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำและมีสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนเขางอกออกมา กลายเป็นโฉมหน้าที่สื่อถึงดาวคนเลี้ยงวัวที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของอัลแทร์ (Altair) ที่ปรากฏออกมาขณะที่เรื่องราวเข้าสู่จุดมืดมนครั้งนี้
หลังจากออกไปรับพัสดุ ปุนปุนที่เดินกลับเข้ามาในห้องก็พบไอโกะจังนั่งคร่อมพร้อมกับกดมีดทำครัวลงไปบนลำตัวของร่างที่นอนอยู่ ทั้งสองได้นำศพไปฝังไว้บนภูเขา จากนั้นจึงเลือกอย่างไม่รู้หนทางอื่นที่ดีกว่าแล้วที่จะเดินทางออกจากเมืองไปด้วยกันสองคน ปุนปุนที่พอใจกับการได้ช่วยเหลือไอโกะจังกับไอโกะจังที่มีเพียงปุนปุนเป็นที่พึ่งต่างต้องเผชิญกับความหวาดกลัวถึงผลที่จะตามมาจากการฆาตกรรม ได้แต่เกาะเกี่ยวกันอย่างมะงุมมะงาหราไปในหนทางเบื้องหน้าที่ขาดไร้ความแน่นอนอย่างสิ้นเชิง
“…ไอโกะจัง ฉันนึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ละ”“มาทำตามสัญญาเอาตอนนี้มันอาจจะไม่มีความหมาย แต่ว่า”
อื้อ
“ไปคาโงชิม่ากันมั้ย”
อาการหวาดผวาของไอโกะจังทำให้ปุนปุนเกิดพลั้งมือทำร้ายเธอจนฟันซี่หน้าหลุด ภาพใบหน้าตอนวันที่ย้ายมาที่โรงเรียนประถมครั้งแรกปรากฏขึ้น ไอโกะจังในตอนนั้นก็ฟันหลอเช่นเดียวกัน แล้วการเดินทางของทั้งสองคนก็เริ่มต้นขึ้น ภายใต้แรงกดดันในจิตใจที่ดูเหมือนแทบจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ ไอโกะจังที่กอดปุนปุนไว้จากข้างหลังอย่างไม่ยอมให้ห่างไปไหนก็พูดว่า
…อีกเดี๋ยว ก็ถึงวันทานาบาตะแล้วสินะ…ปีนี้จะได้เห็นทางช้างเผือกมั้ยนะ? ที่เห็นตอนไปโรงงานร้างกับเพื่อนๆ มันสุดยอดมากเลย…
ในอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้จะพูดว่าจะไม่ยอมทำอะไรตามอารมณ์ที่พาไป แต่ซัจจังก็ไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรและเริ่มออกตามหาปุนปุน สิ่งที่เธอค้นพบจากการพูดคุยกับผู้คนรอบข้างปุนปุนคือเธอแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย จากการพูดคุยกับน้ายูอิจิทำให้ซัจจังได้เดินทางไปพบพ่อของปุนปุนที่ฟุคุชิม่า การได้รับฟังเรื่องราวสมัยเด็กที่แสดงถึงความซื่อตรงและอ่อนโยนของปุนปุนทำให้ซัจจังบอกกับคานิเอะคนพี่สาวทางโทรศัพท์ว่า
คิดๆ ดูแล้ว ฉันคงต้องปกป้องปุนปุนเองแล้วละ
ซัจจังที่กำลังตั้งท้องนั้นก็ตัดผมสั้นเช่นเดียวกับมิโดริจัง การเดินหน้าทำความเข้าใจตัวปุนปุนจึงเป็นเหมือนการมีหรือเตรียมที่จะมีคอมมิตเมนท์ที่จะทำให้พวกเขาผูกพันกันไปตลอดในทางใดทางหนึ่ง เป็นการพัฒนาจากความสัมพันธ์ที่วางอยู่บนความเห็นแก่ตัวของซัจจังเองไปสู่ความสัมพันธ์ที่มีแง่มุมของการใส่ใจดูแลที่อาจแตกต่างจากที่ปุนปุนมีต่อไอโกะจังอยู่ไม่น้อย
ปุนปุนกับไอโกะจังใช้เวลาเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทั้งเกียวโต โอซาก้า อย่างเรื่อยเปื่อยตามใจ แต่ทำอย่างไรก็หนีจากความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ ความเหนื่อยล้าจากการแบกรับสิ่งต่างๆ ทำให้ทั้งสองคนเผยความหงุดหงิด ความกดดัน ความหวาดระแวง ความกลัว ที่หลายครั้งเปลี่ยนเป็นการข่มเหงหรือทำร้ายกันเอง ภายใต้ม่านหมอกของความสิ้นหวังที่ห่มคลุมไว้แทบจะทุกด้าน รวมถึงบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของทั้งสองคนที่ยังไม่ได้รับการรักษาอย่างที่ควรจะเป็น ทุกสิ่งก็ดูเหมือนจะรวมกันเข้ามากัดกินสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงปุนปุนเข้าไว้กับไอโกะจังอย่างโดดเดี่ยวเอาไว้ ถึงอย่างนั้น ปุนปุนกับไอโกะจังก็ดั้นด้นมาถึงคาโงชิม่าจนได้ จากนั้น ทั้งสองก็ตัดสินใจแวะที่ทาเนงะชิม่า แล้วปุนปุนที่คืนสภาพเป็นร่างเดิมชั่วครู่ก็ได้บอกกับไอโกะจังว่า
“…ตอนนี้น่ะ ฉันรู้สึกดีมากเลย แล้วก็คิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอกับเธอ”“…ขอบใจนะ”
บนชายหาดแห่งนั้น ปุนปุนกับไอโกะจังได้เล่นน้ำกันจนมืดค่ำ ก่อนที่ไอโกะจังจะเอ่ยขึ้นมาว่าปุนปุนตั้งใจจะฆ่าเธอที่นี่ ซึ่งปุนปุนก็ตอบรับว่าใช่และเขาคิดจะฆ่าตัวตายตามไป เพราะทนรับแรงกดดันหลังจากการฆาตกรรมไม่ได้อีกต่อไป จากนั้น ไอโกะจังที่ดูเหมือนจะร้องขอชีวิตในตอนแรกก็ได้เล่าความจริงออกมาว่า เธอเป็นคนลงมือฆ่าแม่ของตัวเอง ด้วยการใช้มีดแทงลงไปบนร่างของแม่นับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ปุนปุนออกไปรับพัสดุ ปุนปุนจึงไม่ได้ทำอะไรนอกไปจากอยู่ใกล้ๆ ตอนที่เกิดเรื่องเท่านั้น เมื่อได้ยินดังนั้น ปุนปุนที่เชื่อมาตลอดว่าได้เสียสละทุกอย่างในชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องไอโกะจังจึงตกอยู่ในสภาพเหมือนโดนพรากทุกอย่างไปหมดสิ้น
บนทุ่งหญ้าใต้แสงดาว ไอโกะจังที่ตัดสินใจอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนี้โดยไม่ไปหาตำรวจก็เอ่ยออกมาว่า
ถ้าทุกอย่าง……หายไปหมดก็คงจะดี
วันที่ 30 มิถุนายน วันต่อมา ขณะที่กำลังดีใจที่หางานทำจนได้ ปุนปุนกับไอโกะจังก็ได้ยินข่าวทางโทรทัศน์เรื่องมีคนพบศพแม่ของไอโกะจังบนภูเขาและทางตำรวจกำลังตามหาร่องรอยของรถและตัวไอโกะจังเองอยู่ ทำให้ทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้รับข่าวดีว่ากำลังจะมีงานให้ทำ ปุนปุนกับไอโกะจังก็ต้องนั่งเรือออกมาจากทาเนงะชิม่ากลับสู่ตัวเมืองคาโงชิม่า
เมื่อเห็นอาการของไอโกะจังที่มีไข้สูงจากบาดแผลและร่างกายที่อ่อนแอ ปุนปุนก็ชวนให้พากันไปที่โอซาก้าและไปโรงพยาบาล หลังจากเลือกที่จะปฏิเสธคำแนะนำนั้น ไอโกะจังก็เสนอให้ทั้งสองเดินทางไปหาลุงของเธอที่เปิดคลินิกอยู่ในเมืองห่างไกลในคาโงชิม่า แต่หลังจากที่อยู่บนรถแท็กซี่แล้ว คนขับได้แวะจอดโดยอ้างว่าเพื่อทำธุระส่วนตัว ทำให้ปุนปุนที่ระแวงว่าจะเป็นการหลอกล่อให้พวกเขาโดนตำรวจจับจึงได้พาไอโกะจังหนีลงจากรถทันที เมื่อหลบหลีกรถยนต์เข้าไปในป่าในขณะที่รอบข้างกำลังมืดลง ด้วยพิษบาดแผลและพิษไข้ที่รุมเร้าร่างกายบวกกับความกดดันที่เกาะกินจิตใจจนเหนื่อยล้า ไอโกะจังได้แสดงความหวาดระแวงไม่ไว้ใจปุนปุนออกมา หาว่าการกระทำของเขาที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และเมื่อในข่าวมีแต่ชื่อของเธอคนเดียว ไอโกะจังจึงเชื่อว่าปุนปุนกำลังคิดที่จะกำจัดเธอไปให้พ้นทาง แล้วไอโกะจังก็หยิบมีดทำครัวที่แอบซื้อเอาไว้ออกมาหันปลายมีดไปทางปุนปุน ฝ่ายปุนปุนนั้นก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการปล่อยให้ไอโกะจังแทงเข้าไปในไหล่ซ้ายพลางใช้มือลูบหัวเธอ หลังจากกอดกันภายใต้หมู่แมกไม้ยามราตรีแล้ว ตอนเช้าทั้งสองคนก็เดินทางออกจากป่ามายังเมืองที่เป็นจุดหมาย
ในเมืองแห่งนั้น ปุนปุนกับไอโกะจังได้พบว่าคลินิกที่ลุงของไอโกะจังเป็นเจ้าของได้ย้ายออกไปแล้ว หลังจากเดินเตร่อย่างไร้จุดหมายท่ามกลางแสงแดดจ้าของฤดูร้อน ไอโกะจังก็ตัดสินใจว่าจะมอบตัวกับตำรวจและสารภาพความจริงทั้งหมด ปุนปุนบอกว่าเขาต้องการรับผิดแทนเธอโดยขอแค่ไอโกะจังรอเขาอยู่ ปุนปุนก็พร้อมที่จะติดคุกจนพ้นความผิด แต่ไอโกะจังตั้งใจที่จะเลิกโกหกเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสองเดินเตร่มาหยุดพักที่บ้านร้างและนั่งพักกันที่นั่น ตอนที่พิงอิงแอบกันไอโกะจังก็เริ่มเล่าถึงเรื่องตอนทั้งสองคนยังเด็กอีกครั้ง
…สมัยประถม ขากลับจากโรงงานร้างแล้วเห็นดาวตก…ฉันอธิษฐานว่าขอให้เราทั้ง 2 คนสมหวังในความรัก…
ในที่สุดก็เป็นจริงแล้ว… วิเศษที่สุดเลย… จะมีเรื่องไหนเป็นสุขใจเท่านี้อีกมั้ยนะ?
…จะได้เห็นอีกมั้ยนะ? ทางช้างเผือกที่กว้างใหญ่ ณ สถานที่แห่งเดิม…
“…สักวันหนึ่ง ต้องได้เห็นอีกแน่ๆ…”
ดีใจจังเลย…
…ถึงพวกเราจะต้องแยกจากกัน… แต่พอถึงวันทานาบาตะเราก็จะคิดถึงกันใช่มั้ย…
“…อื้อ ฉันสัญญา”
ฮุ ฮุ …
และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอโกะจังพูดกับปุนปุน
ฝันดีนะ…
ปุนปุนที่ตื่นขึ้นมาหลังจากผลอยหลับไปได้เดินออกมาพบไอโกะจังที่ผูกคอตัวเองสิ้นใจอยู่ใต้ชานเรือนอีกด้านของบ้านร้าง เขานำร่างของเธอลงมาก่อนจะพาไอโกะจังแบกขึ้นบ่าเดินไปยังตู้โทรศัพท์ที่ห่างออกไปหลายสิบนาที
“…ไอโกะจัง ฉันกำลังคิดว่า …จริงๆ แล้วตัวเองอยากทำอะไรหรืออยากให้เธอทำอะไรกันแน่”“ไอโกะจัง ฉันน่ะ…”
“…อยากถูกเธอฆ่าจัง”
“…ฉันนี่มันบ้าจริงๆ”
ก่อนที่จะโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลแล้วบอกว่าโทรผิด จากนั้นจึงอุ้มไอโกะจังไปที่บ้านอีกหลัง ที่นั่นปุนปุนได้พบกับเด็กนักเรียนชายหญิงคู่หนึ่งจึงได้ฝากไอโกะจังไว้กับทั้งสองก่อนจะเดินไปโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลที่ตู้อีกครั้ง คราวนี้ปุนปุนยืนมองดูรถพยาบาลวิ่งไปทางบ้านร้างก่อนที่จะคลี่กระดาษคำอธิษฐานที่พับอยู่ในกระเป๋าใบเล็กซึ่งเป็นหนึ่งในสัมภาระเล็กน้อยของไอโกะจังที่เขาหยิบติดตัวมา ป้ายคำอธิษฐานนั้นเขียนด้วยลายมือของไอโกะจังว่า
ขอให้เธอจดจำฉันตลอดไป
วันที่ 7 กรกฎาคม เรื่องราวฉายให้เห็นปุนปุนที่ครุ่นคิดอย่างว่างเปล่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่ห้าแยกชิบุยะ ก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปยังสถานที่สำคัญที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
“อยากกลับไปที่นั่นอีกครั้ง ไปดูท้องฟ้าเกลื่อนดาว”
ปุนปุนเดินเข้าไปในโรงงานมิโสะร้างแห่งนั้น เดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของอาคาร หยุดยืนตรงจุดที่ทาบทับพอดีกับจุดที่เงาของชายหนุ่มที่ปรากฏตัวในเล่มหนึ่งตอนอาคารไฟไหม้ ราวกับเป็นจุดในความฝันที่ปัจจุบันได้ย้อนกลับไปสัมผัสกับอดีต หรือในอีกแง่หนึ่งคือการที่ได้พบเจอกับอนาคตของปัจจุบันที่ผันผ่านไปแล้ว คราวนี้ปุนปุนเอ่ยสิ่งที่จะไปเติมเต็มข้อความปริศนาที่เงาของชายหนุ่มเอ่ยค้างไว้
“ฉัน…
…ฉัน เข้มแข็งขึ้นแล้ว”
เมื่อไม่มีสิ่งที่จะสูญเสียให้ต้องปกป้อง การดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังโดยไม่แสวงหาสิ่งที่ต้องปกป้องจึงมีความหมายเท่ากับการที่ตัวเขาเข้มแข็งขึ้น เพื่อสิ่งนี้ เมื่อเดินออกมาอยู่ตรงส่วนภายนอกของโรงงานร้างแล้ว ปุนปุนจึงได้หยิบมีดของไอโกะจังออกมาแทงเข้าที่ตาซ้ายของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดที่ “พระเจ้า” ตั้งอยู่มาตลอดตั้งแต่ปุนปุนยอมรับว่าการเรียกหาพระเจ้าทิงเกิลฮอยคือการถามตอบกับตัวเอง
จากการที่ทั้งไอโกะจังและพระเจ้าหายไปกันหมดแล้ว ในที่สุดปุนปุนจึงเหลืออยู่ตัวคนเดียว เขานอนมองดาวบนท้องฟ้าขณะที่ดาวตกค่อยๆ พุ่งผ่านไปทีละดวง ปุนปุนที่ปล่อยวางและถอดใจกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดนั้นก็เลือกที่จะหลับตาลงพลางบอกกับตัวเองว่า
“…ฝันดีนะ”
ปุนปุน…ลุกขึ้นมา
เป็นเสียงของซัจจังที่ขัดขึ้นมาอย่างพอดิบพอดี ในที่สุดความพยายามตามหาปุนปุนของเธอก็ประสบความสำเร็จ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเห็นแก่ตัวของซัจจังที่ผูกพันตัวเองเข้ากับปุนปุนอย่างแน่นแฟ้น ทำให้คอมมิตเมนท์ของเธอจับตัวปุนปุนไว้ได้
…นั่นก็เพราะ…นายเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น
แล้วเรื่องราวก็เดินเข้าสู่บทสรุป

หมู่ดาวของคำสัญญาและความหวัง
ภายในพื้นที่ที่อยู่ตรงเส้นแบ่งพร่ามัวระหว่างความฝันกับจินตนาการ เมื่อวันคืนวนกลับมาจนจวนจะครบรอบวันทานาบาตะหลังจากผ่านเวลาไปอย่างไม่ทราบแน่ชัด ปุนปุนพูดคุยกับไอโกะจัง บอกเล่าให้เธอฟังฝ่ายเดียวถึงชีวิตของตัวเองและผู้คนรอบข้าง ปุนปุนในตอนนี้เข้าใจยอมรับในความปกติเรียบง่ายที่เคยมองว่าเป็นสิ่งซ้ำซากจำเจ ส่วนเรื่องคำสัญญาที่ปุนปุนมีกับไอโกะจังนั้นก็เลือนรางลงไปเช่นเดียวกับน้ำเสียงของไอโกะจังที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไปรวมถึงภาพร่างใบหน้าของเธอ
ผ่านไปปีหนึ่งแล้ว เธอเป็นใครกันนะ ฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจซะแล้วสิ“ถ้าทรยศฉันอีกละก็ คราวนี้ฉันฆ่าเธอแน่”
ไอโกะจัง ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าเธอฆ่าฉันไม่ได้หรอก
“ปุนปุนจะไม่โกหกใช่มั้ย?”
…ไอโกะจัง
ขอโทษนะ ฉันโกหกเธอซะแล้ว
…เชื่อว่า ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า เราคงไม่ได้เห็นทางช้างเผือกหรอก จากนี้ไปท้องฟ้าในวันทานาบาตะจะมีแต่เมฆครึ้ม
…แต่โลกนี้จะไม่จบสิ้นลงและมนุษย์ก็จะไม่สูญพันธุ์ด้วย ส่วนฉันก็ต้องมูฟออน…
…ขอโทษนะ ไอโกะจัง
ลาก่อน…
ดาวเวกา (Vega) หรือไอโกะจัง และดาวอัลแทร์ (Altair) หรือปุนปุน คือดาวที่สื่อแทนโอริฮิเมะหรือเจ้าหญิงทอหูกและฮิโคโบชิหรือชายเลี้ยงวัว สองตัวเอกในตำนานเบื้องหลังของวันทานาบาตะ จากบทสรุปแล้วทำให้พอจะบอกได้ว่าสำหรับ อ. อาซาโนะแล้วการพบกันอีกครั้งของทั้งคู่ยังไม่เกิดขึ้น คำสัญญาของปุนปุนกับไอโกะจังที่ไม่เป็นจริงคือภาพแทนของการคลาดคลากันหลังจากเวลาที่ผ่านไป แต่ในครั้งนี้ ผู้ถักทอทางช้างเผือกคือดาวเดเน็บ (Deneb) หรือซัจจังที่ในที่สุดก็ผูกพันปุนปุนไว้กับตัวเอง ถึงแม้ทางช้างเผือกที่เธอได้ถักทอขึ้นอาจเกิดขึ้นจากภาพในจินตนาการเสียส่วนใหญ่จนอาจเรียกได้ว่าไม่ได้อยู่บนความเป็นจริง หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากเรื่องโกหกก็ตาม แต่ความปรารถนาของซัจจังก็กลายเป็นจริงเมื่อเธอตั้งใจที่จะซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง
“ฝันดีนะ ปุนปุน” จึงเป็นเรื่องราวของคำสัญญาของคืนวันวัยเด็กที่ถูกแทนที่ด้วยการสร้างความเป็นจริงรอบตัวขึ้นมาของความเป็นผู้ใหญ่ ความเด็ดขาดแน่นอนของการแบ่งแยกถูกผิดหรือจริงกับไม่จริงได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นการทำความเข้าใจการลากเส้นแบ่งเหล่านั้นเส้นใหม่ แม้จะดูเหมือนกับว่าการไหลเลื่อนเคลื่อนคล้อยเข้ามาแทนที่การตั้งวางอย่างหยุดนิ่งจนชวนให้สิ้นหวังเนื่องจากคว้าจับอะไรไม่ได้นัก
แต่ถึงอย่างไร “ฝันดีนะ ปุนปุน” ก็ดูเหมือนยังฝากความหวังไว้กับเหล่าคำสัญญาที่จะถือกำเนิดขึ้นใหม่ต่อไปจากที่เราได้เห็นฉากการเกิดของลูกน้ายูอิจิในตอนอวสาน
นั่นคือ ถึงแม้จะยากลำบากเพียงใดตราบเท่าที่ยังมีคำสัญญาเกิดขึ้น ความหวังก็ยังจะดำรงอยู่เสมอไปนั่นเอง.