สิ่งที่อยู่ในขวดแก้ว

ayatsuji yukito - the decagon house murder


คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม – อายาสึจิ ยูกิโตะ


สู่เกาะปิดตาย


นวนิยายแนวลึกลับสืบสวนสอบสวน (Mystery Fictions) เรื่องดังของญี่ปุ่นที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1987 เรื่องนี้ยังเป็นนวนิยายเล่มเปิดตัวของผู้เขียน อายาสึจิ ยูกิโตะ (Ayatsuji Yukito) ผู้เป็นหนึ่งในนักเขียนชั้นนำของนักเขียนเรื่องสืบสวนและเรื่องลึกลับที่เป็นเจ้าของผลงานอย่าง Another (ตีพิมพ์เมื่อปี 2009) และซีรีส์เสียงกระซิบ รวมถึงผลงานอื่นๆ ที่ยังคงได้รับการกล่าวถึงมาจนถึงปัจจุบัน


คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม” นั้นแต่เดิมในฉบับที่ผู้เขียนส่งเข้าประกวดรางวัลรัมโป เอโดกาวะครั้งที่ 29 มีชื่อเรื่องว่า “เกาะแห่งการไว้ทุกข์” ซึ่งพลาดรางวัลไป นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการกล่าวชื่นชมถึงทั้งในเรื่องของการวางปริศนาและการเล่นกับขนบนวนิยายสืบสวนของตะวันตก โดยเฉพาะผลงานในยุคทองของขนบวรรณกรรมดังกล่าวนั้น


เนื้อเรื่องของนิยายว่าด้วยการเดินทางไปค้างแรมบนเกาะของนักศึกษาเจ็ดคนจากชมรมวิจัยนิยายสืบสวนของมหาวิทยาลัย K** เพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนต้นฉบับลงวารสารของชมรม โดยมีสาเหตุที่เลือกที่สถานที่นี้เพราะเกาะแห่งนี้เคยมีเหตุฆาตกรรมยกครัวและการวางเพลิงเกิดขึ้น


ทั้งนี้ เจ้าของเกาะและเคหาสน์สีน้ำเงินที่เป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมและถูกเพลิงไหม้วอดวายไปแล้วนั้นมีชื่อว่า นากามูระ เซอิจิ ซึ่งเป็นสถาปนิกผู้มีแนวคิดออกจะแปลกประหลาดเฉพาะตัวและชอบปลีกวิเวก โดยคนๆ นี้ได้ออกแบบสร้างอาคารไว้อีกหลังก่อนเสียชีวิตคือ บ้านสิบเหลี่ยม ที่เหล่าสมาชิกชมรมวิจัยนิยายสืบสวนจะเข้าไปอาศัยอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นั่นเอง


การค้างแรมที่ว่านี้จะตัดขาดพวกเขาจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ให้ได้ใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังโดยอาศัยเสบียงอาหารและข้าวของที่ขนไปที่เกาะไว้ก่อนเท่านั้น


ขณะเดียวกัน เมื่อทั้งเจ็ดคนไปถึงที่เกาะ จดหมายปริศนาก็ถูกส่งไปยังบ้านของแต่ละคนรวมถึงตัวละครที่เกี่ยวข้อง โดยมีเนื้อหาพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ว่า


“ชิโอริที่พวกแกฆ่า คือลูกสาวของฉัน”


จากนั้นเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น


กลเกมทางปัญญาระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่าน


พอกันทีสำหรับนวนิยายลึกลับสมจริงที่นิยมกันมากในยุคหนึ่ง […] เรื่องลึกลับประเภทเปิดโปงเบื้องหลังการฉ้อฉลคอร์รัปชันของพวกนักการเมืองก็ไม่เอา ยิ่งโศกนาฏกรรมที่เกิดจากความบิดเบี้ยวนอกกรอบสังคมนี่เลิกเขียนได้เลย […] สำหรับผม ถึงใครจะว่าล้าสมัยแต่ก็ขอตอบตรงๆ เลยว่า ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่าเรื่องการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องของนักสืบอัจฉริยะ ที่มีคฤหาสน์หลังใหญ่เป็นฉาก คนในบ้านแต่ละคนล้วนมีพฤติกรรมแปลกประหลาดพิสดาร และถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างต่อเนื่อง ฆาตกรมีกลลวงยอกย้อนซ่อนเงื่อนอย่างที่ไม่มีใครพบเห็นมาก่อน ทำให้เป็นคดีที่เกือบสมบูรณ์แบบ สุดท้ายฆาตกรก็ลอยนวล ฟังแล้วอาจคิดว่าผมชอบเรื่องเพ้อฝัน ใช่ครับ ผมมีความสุขอยู่ในโลกของนิยายลึกลับประเภทนี้ ขออย่างเดียวคือกรุณาเขียนโดยใช้สติปัญญาหลักแหลมให้มันสมจริงก็แล้วกัน”


คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม” นั้นได้รับการกล่าวขวัญกันว่าเป็นผลงานที่เป็นตัวจุดกระแสความนิยมในนวนิยายลึกลับสืบสวนในแนวขนบกระแสใหม่ หรือ Shinhonkaku-ha (New Orthodox School) นับตั้งแต่ที่ได้ถูกตีพิมพ์ในปี 1987 โดยนวนิยายสืบสวนในแนวขนบแบบใหม่นั้นมีลักษณะเด่นข้อหนึ่งคือ การปฏิเสธแนวทางการเขียนนวนิยายลึกลับสืบสวนในแนวสังคม หรือ Shakai-ha (Social School) ที่หลักในการประพันธ์นั้นให้ความสำคัญต่อนัยทางสังคมของอาชญากรรม ทั้งในด้านแรงจูงใจ ผลกระทบต่อสังคม และจุดยืนของสังคมในเหตุอาชญากรรม


โดยนวนิยายลึกลับสืบสวนในแนวสังคมนั้นได้รับความนิยมจนกลายเป็นกระแสหลักของนวนิยายสืบสวนสอบสวนในช่วงทศวรรษที่ 1960 ด้วยลักษณะข้างต้นบวกกับความสมจริงที่ปรากฏอยู่ในการเล่าเรื่องอย่างขาดไม่ได้ ดังนั้น เมื่ออ่านข้อความที่ได้ยกมาแล้วก็พอจะกล่าวได้ว่า ตัวผู้เขียนคือ อายาสึจิ ยูกิโตะ เองนั้นมีความตั้งใจให้ผลงานของตนได้กลายเป็นการประกาศถึงปฏิกิริยาที่มีต่อแวดวงการเขียนอ่านนวนิยายลึกลับสืบสวนในญี่ปุ่นช่วงปีทศวรรษที่ 1980


นวนิยายลึกลับสืบสวนในแนวขนบกระแสใหม่หรือ Shinhonkaku-ha นั้นเน้นหนักในการสร้างปริศนาเล่ห์กลของอาชญากรรม ตามแบบอย่างของนวนิยายลึกลับสืบสวนแนวขนบหรือ Honkaku-ha (Orthodox School) ที่เป็นกระแสริเริ่มโดยบิดาของนวนิยายลึกลับสืบสวนของญี่ปุ่น รัมโป เอโดกาวะ (Ranpo Edogawa)


ในการเขียนที่ยึดตามแนวทางของนวนิยายลึกลับสืบสวนยุคทองของตะวันตก (Golden Age of Detective Fictions) นี้จะมีการแสดงเบาะแสให้เห็นผ่านเรื่องราวอย่างถ้วนทั่ว เรียกได้ว่าเป็นการเชิญชวนผู้อ่านให้มาร่วมไขปริศนาของคดีไปพร้อมกันกับตัวละครที่ทำหน้าที่เป็นนักสืบในเรื่อง กล่าวอีกอย่างได้ว่าเป็นการประลองแข่งขันทางตรรกะและปัญญาระหว่างผู้อ่านและผู้เขียน


โดยนวนิยายลึกลับสืบสวนในแนวขนบกระแสใหม่หรือ Shinhonkaku-ha นั้นจะมีการอ้างอิงถึงตัวบทของผลงานคลาสสิคของนวนิยายลึกลับสืบสวนทั้งในขนบของตะวันตกและของญี่ปุ่น พร้อมไปกับการไขปริศนาว่าตัวละครใดที่เป็นคนร้ายตามแนวเขียนเรื่องแบบ Whodunit


อย่างเช่นในนวนิยาย “คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม” ที่ตัวละครนักศึกษาจากชมรมวิจัยนิยายสืบสวนทั้งเจ็ดคนใช้ชื่อเล่นที่นำมาจากชื่อนักเขียนนิยายลึกลับสืบสวนคลาสสิคอย่าง เอลเลอรี ควีน, จอห์น ดิกซัน คารร์, กัสตง เลอรู, เอส. เอส. แวน ดายน์, เอ็ดการ์ อัลลัน โป, อกาธา คริสตี และ บารอนเนส เอ็มมา ออร์กซี และแนวทางการสร้างคดีฆาตกรรมของเรื่องเองก็เป็นการอ้างอิงถึงผลงานนวนิยายลึกลับสืบสวนระดับขึ้นหิ้งของอกาธา คริสตีเรื่อง And Then There Were None หรือแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ “ปริศนาสิบตุ๊กตาอินเดียน” หรือ “จนศพสุดท้าย” ที่มีเรื่องราวว่าด้วยคดีฆาตกรรมบนเกาะโดดเดี่ยวต่อเนื่องทีละคนเหมือนกันนั่นเอง


ปริศนาในบ้านสิบเหลี่ยม


ลองวาดภาพโลกเป็นกระดานหมากรุกและวางมนุษย์เป็นตัวหมากบนกระดานดูก็จะรู้ว่า การอ่านแนวเดินหมากมีข้อจำกัดอยู่ในตัวของมันเอง แผนการที่คิดว่าวางเอาไว้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบที่สุดแล้วนั้น วันหนึ่งอาจมีอะไรรวนขึ้นมาตรงไหนสักแห่งก็ได้ โลกเรานี้ท่วมท้นไปด้วยความบังเอิญและความคิดเพี้ยนๆ ของมนุษย์ ที่ทำให้แผนการที่คิดว่าแยบยลที่สุดแล้วนั้นไม่เป็นดังหมาย

หลังจากพิจารณาไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปว่า แผนการที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้คือต้องเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ด้วยความยืดหยุ่น ไม่ใช่จำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวของตนเอง

ต้องหลีกเลี่ยงการกำหนดกฏเกณฑ์เอาไว้อย่างคงที่

ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเขียนพล็อตเรื่อง แต่อยู่ที่การ สร้างกรอบ ที่สามารถปรับให้ยืดหยุ่นได้อย่างเหมาะสมที่สุดเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนไปเมื่อไรก็ได้ ภายในกรอบนั้น


ด้วยการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการผูกเรื่องและการวางปมปริศนา ทำให้ “คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม” กลายเป็นผลงานคลาสสิคที่มีผู้อ่านนิยมมาอย่างยาวนาน และได้กลายเป็นผลงานชั้นครูที่ผู้สนใจในนวนิยายลึกลับสืบสวนญี่ปุ่นอ่านกันต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


เมื่อผู้เขียนเน้นเรื่องการวางกรอบที่ยืดหยุ่นและให้ความสำคัญกับเบาะแสหรือเงื่อนไขที่แสดงให้ผู้อ่านเห็น จึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่เองที่ผู้อ่านจะคอยเก็บรายละเอียดและนำข้อมูลที่เป็นเงื่อนงำเบาะแสมาขบคิดถึงคำตอบว่าใครเป็นคนร้าย พร้อมกันกับรับรู้เรื่องราวที่ตัวบทบอกเล่าต่อเนื่องไปพร้อมกันด้วย


จุดสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดคือความคลาดเคลื่อนของความเข้าใจในตัวบท ที่จะนำไปสู่คำตอบของปริศนาที่อาจจะไม่ได้ต้องตรงกัน และนั่นคือความบันเทิงของการอ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะกับผลงานที่เขียนขึ้นในแนวทางการเขียนแบบนวนิยายลึกลับสืบสวนแนวขนบกระแสใหม่อย่าง “คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม” ที่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์เชิญชวนผู้อ่านที่สนุกจนถึงลุ่มหลงกับการไขปริศนาด้วยตรรกะและข้อมูลนั่นเอง